สไตลิสต์มีว้าวกับ “เกรียนโอ้” มาริโอ ยูรอฟสกี้

"ซุปเปอร์มาริโอ้" หรือ "เกรียนโอ้" มาริโอ ยูรอฟสกี้ แข้งมาซิโดเนีย ที่เป็นขวัญใจสาวก "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทั้งในฐานะผู้เล่นกระทั่งก้าวสู่กุนซือของทีมในปัจจุบันนี้
 
มาริโอ ย้ายมาค้าแข้งในเมืองไทยหนแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 ในไทยลีก ครั้งที่ 16

9 ปีกับชีวิตในแผ่นดินสยาม ที่นอกจากจะเคยเล่นให้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 2 รอบ ,เขายังเคยเล่นให้ แบงค็อก ยูไนเต็ด และ บีจี ด้วย

นอกจากฝีเท้าอันยอดเยี่ยมกับบุคคลิกแผลงๆ จนถูกเรียกว่า "เกรียนโอ้" แล้ว กุนซือป้ายแดงวัย 35 ปี ของทัพ "กิเลนผยอง" ไม่รวมถึงหน้าตาดูดีแบบฝรั่ง

เขายังมีสไตล์การแต่งตัวนอกสนามที่สุดแนวอย่าบอกใครชนิดที่สไตลิสต์เป็นต้องร้องว้าวก็แล้วกัน

ถือว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ อินเทรนด์เป็นผู้นำแฟชั่นแบบสุดปังก็ว่าได้

 

มาริโอเปิดใจแข้งเมืองทองฯปรับตัวซ้อมได้ดีเยี่ยม

มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือป้ายแดง "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เผยพอใจลูกทีมที่สามารถปรับตัวเข้าระบบได้เป็นอย่างดีในการฝึกซ้อม เชื่อแน่ว่าเกมเยือนโลิศ เทโร เอฟซีในวันอาทิตย์นี้ จะเป็นอีกเกมที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือป้ายแดงของทีม "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการคุมทัพนัดแรกที่จะต้องนำลูกทีมออกไปเยือนโปลิศ เทโร เอฟซี หลังจากที่เข้ามารับงานคุมลูกทีมลงฝึกซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 ต.ค.63 ผ่านมา ว่า "พอใจกับการซ้อมของลูกทีม เพราะว่านักเตะเข้าใจ และปรับตัวกับระบบและวิธีการเล่นที่ตนเองต้องการได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าทีมจะพร้อมและดีที่สุดในเกมดังกล่าวแน่นอน

"ณ ตอนนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการเล่น นักเตะมีความเข้าในเรื่องของระบบและแทคติกการเล่นที่ผม และดานโญ่ เซียก้า พยายามจะถ่ายทอดให้กับทุกคน ซึ่งพวกเขามีความกระหายที่จะเล่นอย่างมาก มันเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเราสามารถปรับตัวเข้ากันได้อย่างรวดเร็วกับสิ่งที่ผมและทีมงานมอบให้ มันจะทำให้ทีมของเราพรอ้มที่สุดก่อนเกมไปเยือนโปลิศเทโร เอฟซี  แต่ผมบอกไม่ได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าเราจะทำให้เต็มที่และดีที่สุด หวังว่าจะเป็นผลงานที่น่าพอใจ "  

สำหรับทีม "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ล่าสุดนั้นรั้งอยู่อันดับ 11 ของตาราง 8 นัดมีอยู่ 10 คะแนน จะต้องออกไปเยือนโปลิศ เทโร เอฟซี ทีมอันดับ 8 ของตาราง 9 นัดมี 15 แต้ม ในวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค. 63 เวลา 19.00 น.

5 ข้อดีที่เมืองทองใช้งาน มาริโอ ยูรอฟสกี้

หลังจากที่ กาม่า ทำทีม เมืองทอง แพ้ตราด ในเกมไทยลีกนัดล่าสุด กุนซือชาวบราซิล ก็ได้แยกทางจากทีมทันที ไม่ใช่เพียงแค่ผลงานอย่างเดียวที่เขาตองรับผิดชอบ แต่ด้วยเรื่องของ สัญญาที่กำลังจะหมดลง ทำให้การลงจากตำแหน่งน่าจะดีกว่า 

ทันทีที่ กาม่า แยกทาง เมืองทอง ก็ได้ตั้ง มาราโอ ยูรอฟสกี้ คุมทีมแทนทันที แน่นอนว่ามีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ว่า มาริโอ เหมาะสมไหม เรามาดูกันว่ามีอะไรกันบ้างที่เป็นขอดีของ การเลือก "อดีตเพลย์เมกเกอร์เลือดกิเลนของทีม" รายนี้คุมทัพ

1. มาริโอ มีความเป็นเมืองทอง

นับตั้งแต่เขาย้ายจาก เมทาลุช โดเนกส์ ในลีก ยูเครน มาสวมเสื้อกิเลนผยอง ตั้งแต่ปี 2012ยูรอฟสกี้ ก็แสดงให้เห้นถึงฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม พาทีม เมืองทอง เป็นแชมป์มากมาย ทำให้ภาพจำของเขาที่มีกับแฟนบอลคือตอนที่ สวมเสื้อกิเลน แม้ว่าในช่วงปลายกาารค้าแข้ง จะโยกไปอยู่กับ ทรู แบงค๊อก แต่"ภาพจำ" ของเขาก็คือเมืองทอง อยู่ดี การตัดสินใจรับหน้าที่คุมทีมชุด ยู19 กิเลน จูเนียร์ หลังจาก แขวนสตั๊ด ร่วมกับ อดีตเพื่อนร่วมทีมหลายๆคน ที่เคยค้าแข้งกับเมืองทอง  ยิ่งทำให้ มาริโอ ยูรอฟสกี้ คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ เมืองทองไปแล้ว

2. มาริโอ มีความทุ่มเท และรู้จักฟุตบอลไทย

ยามที่เป็นนักเตะเขาเล่นอย่างเต็มร้อยทุกนัด ทุ่มเทเพื่อสโมสร จนเป็นแบบอย่างของผู้เล่นไทย และต่างชาติภายในทีม ซึ่งคุณสมบัตินี้ ถูกนำมาชดเชยประสบการณ์ที่ยังน้อยนิดในการคุมทีมในระดับสูง แต่ในเมื่อเมืองทอง เลือกที่จะใช้เลือดใหม่ในการสู้ศึกไทยลีก โค้ชรุ่นใหม่ที่ทุ่มเท ก็จำเป็นเหมือนกัน  และแฟนบอลเคยเห็นเขาทุ่มเทในสนามยังไง การคุมทีมก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ คือ เขาอยู่เมืองไทย มาประมาน 8 ปีแล้ว ซึ่งประสบการณ์ตอนเล่นไทยลีกสมัยค้าแข้ง น่าจะช่วยให้เขาไม่ต้องปรับตัวเยอะกับการคุมทีมในไทยลีก

3. มาริโอ รู้เรื่องราวของ เมืองทอง

การจะเลือกโค้ชสักคนเข้ามาคุมทีม หากไม่รู้แนวทางบิรหารของ สโมสร ต่อให้มีฝีมือก็ยากที่จะได้รับแรงซัพพอร์ต หนำซ้ำยังก่อให้เกิดความบาดหมางเกิดขึ้นได้ แต่ มาริโอ "ไม่ใช่" ในตอนที่เขาเป็นนักเตะ ก็ถือว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีม การทำงานกับผู้บริหารผ่านมาหลายคน โค้ชหลายคน และเพื่อนร่วมทีมอีกหลายกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องราวภายในสโมสรแห่งนี้ เขาเข้าใจไม่น้อยหน้าคนไหน และทำให้เป็นการดีที่จะเลือกใช้งาน นักเตะ วางแทกติค ให้เข้ากับขุมกำลังที่มี น่าจะทำให้เมืองทอง กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้

4. มาริโอ ค่าเหนื่อยไม่สูงเกินไป

ในยุคที่ฟุตบอลไม่สามารถทำรายได้จากการเข้าสสนามได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบนี้ สโมสรจึงจำเป็นที่จะต้องเซฟรายจ่ายบางอย่าง ซึ่งหากเมืองทอง เลือกกุนซือใหม่เป็นชาวต่างชาติตามนโยบายของทีม น่าจะต้องเสี่ยงกับผลงานที่ไม่รู้จะดีขึ้นหรือไม่ รวมถึงค่าเหนื่อยที่อาจจะแพงมากเกินไป ซึ่งการเลือกกุนซือหน้าใหม่ อย่าง ยูรอฟสกี้ ไม่ใช่เพียงแค่ค่าเหนื่อยไม่แพง แต่เขาทำงานในชุดเยาวชนของเมืองทอง อยู่แล้วถ้าผลงานในปีนี้ออกมาน่าพอใจ ติดท๊อปโฟร์ในเลกแรก เท่ากับว่า ทีมได้กุนซือเก่ง ที่ไม่ต้องจ่ายแพง นับเป็น "โชคสองชั้น"

5. มาริโอ จะทำให้ดาวรุ่งในทีมพัฒนา

ในการทำงานกับทีมชุดเล็กของเมืองทอง มาริโอ นำประสบการณ์ที่มีในสมัยเป็นนักเตะถ่ายทอดสู่รุ่นน้อง ซึ่งตอนนี้ในทีมชุดใหญ่ของทีมก็มีดาวรุ่งเล่นอยุ่หลายคน น่าจะทำให้เขาสามารถถ่ายทอดและเกิดการรับฟังได้ง่ายขึ้น โดยจะส่งผลดีกับเมืองทอง เองที่นักเตะพร้อมจะเรียนรู้ และโค้ชเองก็เพิ่มประสบการณ์ไปในตัว นับได้ว่าเป็น "เมืองทองนิวเจนเนอร์เรชั่น"ของจริง

นั่นเป็นข้อดีที่พอจะประเมินได้ว่า การที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ให้ มาริโอ ยูรอฟสกี้ คุมทีม มีข้อดีพอสมควร แม้ว่าประสการณ์จะยังไม่มี แต่ได้รับแรงซัพพอร์ตจากบอร์ดบริหาร ทีนี้ก็เหลือแค่ผลงานที่จะทำออกมาในตอนแข่งขันจริงเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์

 

มาริโอ กับบทบาทใหม่ใน”กิเลนผยอง”

จัดเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะต่างชาติที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของลีกไทย โดยเฉพาะการค้าแข้งให้กับทีม “กิเลนผยอง”เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สร้างชื่อให้กับ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ได้มากที่สุดในช่วงเวลาการเล่นอาชีพที่เมืองไทย

    แม้ยามนี้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ทางสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดย “บิ๊กเป้”รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผอ.สโมสร ได้เปิดเผยว่า ด้วยความผูกพันที่มาริโอ มีกับเมืองทอง จึงได้ร่วมงานกันอีกครั้งหลังจากเจ้าตัวเลิกเล่น โดยตอนนี้ได้ให้เจ้าตัวดูแลเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเยาวชน

 
    “มาริโอ จะรับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน MTUTD SOCCER SCHOOL ซึ่งจะเป็นสถาบันสอนเด็ก ๆ ที่มาเรียนฟุตบอลกับสโมสรของเรา และยังให้ดูแลการสร้างเด็กเยาวชน 19 ปีของสโมสร ด้วยฝีเท้าและประสบการณ์ที่ล้นเหลือของเขา เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาเด็กเยาวชนของสโมสรก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่อย่างมีคุณภาพตามแบบฉบับฝีเท้าของเขา”

ใครสนยื่นมา! ฟาวเลอร์พร้อมโยกคุมทีมไทยลีก



กุนซือบริสเบน ไม่ปิดโอกาสกลับไปทำงานที่ไทยอีกครั้ง ในฐานะเฮดโค้ช ชี้ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กุนซือบริสเบน โรอาร์ ทีมในเอลีก ออสเตรเลีย ยืนยันไม่ปิดโอกาสกลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีกครั้ง ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน

อดีตกองหน้าชื่อดังลิเวอร์พูล เคยสร้างความฮือฮา ย้ายมาค้าแข้งในโตโยต้า ไทยลีก กับ เอสซีจี เมืองทองฯ เมื่อฤดูกาล 2011 ที่สำคัญ ในช่วงท้ายซีซั่น ยังมีโอกาสรับงานกุนซือครั้งแรกให้ทีมด้วย

“แน่นอน ฟังนะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ผมรักช่วงเวลาที่นั่นมาก ๆ (ไทย) ผมยังมีเพื่อนหลายคนอยู่ที่นั่น เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเป็นอย่างไร ผมเป็นคนที่ทะเยอทะยานนะ และแน่นอนผมเป็นคนที่ทะเยอทะยานในฐานะผู้จัดการทีมเหมือนตอนเป็นนักเตะ”

“ซึ่งหมายความว่าหากถึงตอนที่ผมหมดสัญญาที่นี่ แน่นอนผมอยากจะลองดูโอกาสนี้อีกครั้ง ดังนั้นผมจึงไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้” ฟาวเลอร์ กล่าวกับ มาริโอ ยูรอฟสกี้ หลังถูกถามว่า มีโอกาสกลับมาทำงานที่ไทยอีกครั้งหรือไม่

สำหรับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ลงเล่นให้ เอสซีจี เมืองทองฯ 20 นัดรวมทุกรายการ ยิงไป 4 ประตู ขณะที่ปัจจุบัน รับบทกุนซือของ บริสเบน โรอาร์ ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 2019

เด่นกว่าใคร!ฟาวเลอร์เลือก2แข้งไทยประทับใจที่สุด



อดีตกองหน้าลิเวอร์พูล เลือก 2 แข้งไทยที่ประทับใจที่สุด หลังเคยค้าแข้งกับ กิเลนผยอง ในช่วงปี 2011

 ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าชื่อดังลิเวอร์พูล เลือก ธีรศิลป์ แดงดา และ ดัสกร ทองเหลา เป็นสองนักเตะไทยที่ประทับใจที่สุด โดยเฉพาะ ‘มุ้ย’ ที่ถือเป็นกองหน้าครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่ง

อดีตกองหน้าหงส์แดง วัย 45 ปี เคยย้ายมาค้าแข้งที่ไทย กับ เอสซีจี เมืองทองฯ เมื่อช่วงฤดูกาล 2011 นอกจากนี้ ยังมีโอกาสรับบทเป็นกุนซือของทีมด้วยในช่วงท้ายซีซั่น

ฟาวเลอร์ ถูก มาริโอ ยูรอฟสกี้ เชิญมาพูดคุยผ่านอินสตาแกรม เมื่อวานที่ผ่านมา ก่อนถูกถามว่า ใครคือนักเตะไทยที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด ซึ่ง ‘เดอะ ก็อด’ ตอบว่า

“ผมคิดว่าไทยลีกเป็นลีกที่เล่นกันด้วยเทคนิคสูงมาก ๆ บางครั้งนักเตะที่โดดเด่นคือนักเตะที่รู้ว่าต้องวิ่งเมื่อไหร่ ต้องส่งบอลตอนไหน ต้องส่งให้ถูกจังหวะ ผมคิดว่านักเตะต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้”

“ตอนที่ผมอยู่เมืองทองมีนักเตะสองคนที่โดดเด่นกว่าใคร นั่นคือ ดัสกร ทองเหลา กับ มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) เขาสองคนเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่ามุ้ยเป็นสุดยอดดาวยิง แฟนบอลรักเขา เขาสามารถทำอะไรก็ได้ในสนามเมื่อเขาต้องการ ทำประตูสำคัญมากมาย  เขากล้าหาญ โหม่งได้ดี ยิงได้ดีทั้งสองเท้า”

“ผมไม่ประหลาดใจเลยนะกับอาชีพการค้าแข้งไปได้สวยของเขา ได้มีประสบการณ์ในการไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่นซึ่งเขาก็กำลังค้าแข้งอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ทำประตู เขายังมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ลูกฟรีคิก ซึ่งโดยรวมเขาเป็นผู้เล่นที่ดีมาก” ฟาวเลอร์ กล่างทิ้งท้าย

สำหรับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ลงเล่นให้ เอสซีจี เมืองทองฯ 20 นัด รวมทุกรายการ ทำไป 4 ประตู

มาไกลกว่าที่คิด! เคลตันรำลึกเห็นชนาธิปครั้งแรก “ผมพูดเลย ไม่มีทาง..”



กองหน้าแซมบ้า รำลึกวันเห็น ชนาธิป ครั้กแรก ก่อนเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างเช่นทุกวันนี้

เคลตัน ซิลวา ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลโตโยต้า ไทยลีก รำลึกวันเห็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ครั้งแรก รับไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาไกลขนาดนี้

กองหน้าวัย 33 ปี เป็นนักเตะต่างชาติที่ ชนาธิป ให้ความเคารพนับถือมากที่สุด ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง โดยทั้งคู่เคยร่วมงานกันตั้งแต่สมัยอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน และ เอสซีจี เมืองทองฯ

“นี่แหละครับปัญหา มันยากมากนะที่จะเลือกใครสักคนหนึ่ง” เคลตัน ตอบ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ใน IG หลังถูกถามว่าใครคือผู้เล่นไทยดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

“อย่างที่คุณ (มาริโอ ยูรอฟสกี้) บอก ผมโชคดีที่ได้ลงเล่นร่วมมกับนักเตะที่น่าทึ่งหลายต่อหลายคน ผมเชื่อในความคิดเห็นของผม ผมได้ลงเล่นกับเหล่านักเตะที่ดีที่สุดของไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และสามคนที่ดีที่สุดของผมคือ มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา), ธีราทร (บุญมาทัน) และ เจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์)

“สำหรับผม นักเตะที่ดีที่สุดของไทย ผมได้ลงกับเขานานกว่าคนอื่น ผมเลือก เจ (ชนาธิป) เพราะว่าเขาทำให้ผมประทับใจหลายต่อหลายครั้ง คุณรู้มั้ยว่าครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเขา เขาตัวเล็กแค่นี้ ผมพูดเลย ‘โอ้ ไม่นะ ไม่มีทาง’แต่หลังจากเวลาผ่านไป เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เขาเป็นคนที่กล้าหาญ เขามีทักษะที่เก่งกาจ ทำแอสซิสต์ได้ ผมทำประตูได้มากมายตอนเล่นร่วมกับเขา”

“ช่วงเวลา 2 ปีที่ผมเล่นร่วมกับเจ ผมเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในไทยลีกในฐานะดาวซัลโวในปี 2012 และปี 2016” เคลตัน กล่าวปิดท้าย

สำหรับ เคลตัน ซิลวา เป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลโตโยต้า ไทยลีก 144 ประตู แต่ปัจจุบันไม่มีต้นสังกัดลงเล่น ขณะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ค้าแข้งอยู่กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร แห่งลีกสูงสุด ญี่ปุ่น